
ขณะนี้รัฐบาลไทยยังไม่ได้บังคับให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องจัดทำ e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) แต่ก็อยู่ระหว่างดำเนินการปรับเปลี่ยนระบบภาษีอากรเป็นดิจิทัลให้พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบภายในปี 2571 โดยเริ่มเปลี่ยนมาใช้ระบบ e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ตั้งแต่ปี 2567.
ในปี 2559 รัฐบาลไทยได้นำเสนอนโยบายใหม่ที่เรียกว่า “ไทยแลนด์ 4.0” ซึ่งประกอบด้วยเป้าหมายหลักระยะยาว 2 ข้อ ได้แก่ การผลักดันประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และการมุ่งสู่การเป็นประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าภายในปี 2575 และเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลไทย ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ., ETDA) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการกำหนดมาตรฐาน พัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศ จึงส่งเสริมและกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ เปลี่ยนมาจัดทำ e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์).
ระบบ e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) ในประเทศไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้ามาทดแทนใบกำกับภาษีแบบกระดาษในธุรกรรมทางธุรกิจ ขณะนี้กิจการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถส่ง e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และ e-Receipt (ใบรับอิเล็กทรอนิกส์) ได้ตามความสมัครใจ โดยใช้ระบบบริการจัดทำและนำส่งข้อมูล e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และ e-Receipt (ใบรับอิเล็กทรอนิกส์) (ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ) ได้แล้ว นอกจากนั้นแล้วกรมสรรพากรยังได้เดินหน้าขยายโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนe-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และการรายงานข้อมูลบัญชีและภาษีให้รองรับระบบของผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย.
ไทม์ไลน์การเปลี่ยนมาใช้ระบบออก e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัท ดังนี้:
แผนของรัฐบาลไทยที่จะนำระบบ e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) ไปสู่การปฏิบัติเต็มรูปแบบจะทยอยเกิดขึ้นเป็นระยะ ดังนี้:


ระบบออก e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) ของไทยไม่ถือว่าเป็น Clearing Model เต็มรูปแบบ เนื่องจากผู้ขายจะนำส่งเฉพาะข้อมูลในใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ไปยังหน่วยงานภาษีของไทย (สพธอ., ETDA) เท่านั้น โดยที่ตัวใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จะถูกส่งไปยังผู้รับโดยตรง และหากต้องการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ไปยังระบบส่วนกลางที่ดูแลจัดการโดยหน่วยงานภาษีของไทย จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อน ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ทุกฉบับจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้ อย่างแรกต้องมีการลงลายมือชื่อดิจิทัล และต้องมีการประทับรับรองเวลาแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อยืนยันวันที่ออกเอกสาร และต้องมีข้อมูลที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วนอีกด้วย ข้อมูลจากใบกำกับภาษีที่ออกด้วยวิธีนี้จะถูกนำส่งไปยังหน่วยงานภาษีของไทยภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน
เนื่องจากการออก e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) มีขั้นตอนทางเทคนิคและทางกฎหมายที่ซับซ้อน เพื่อเป็นการลดภาระให้กับผู้ประกอบการ ทางรัฐบาลจึงพยายามช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการและปรับปรุงกระบวนการเปลี่ยนมาใช้ระบบออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด หนึ่งในโครงการคิดริเริ่มของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ., ETDA) คือการตรวจประเมินระบบของผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การรับรองในความปลอดภัยและการได้มาตรฐานของผู้ให้บริการ ซึ่งภายใต้โครงการนี้ Comarch ได้รับการรับรองเป็นผู้ให้บริการ (Service Provider Certified) การรับส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และ e-Receipt (ใบรับอิเล็กทรอนิกส์) อย่างเป็นทางการ


e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และ e-Receipt (ใบรับอิเล็กทรอนิกส์) จะต้องมีลายมือชื่อดิจิทัล (Digital signatures) สองรายการที่สร้างขึ้นด้วยวิธีการที่กำหนด ซึ่งยืนยันด้วยใบรับรองและหมายเลขใบรับรองของผู้ลงนาม หมายเลขนี้ออกโดยหน่วยงานรับรองที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานด้านภาษี

e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) ต้องอยู่ในรูปแบบไฟล์ XML (มาตรฐาน สพธอ., ETDA)

เอกสารที่จัดทำขึ้นในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ มีลายมือชื่อดิจิทัล และต้นฉบับเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ จะต้องเก็บรักษาในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (หากพิมพ์ออกมาเป็นกระดาษ จะถือว่าเป็นสำเนา) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
ใบกำกับภาษี รายงาน สำเนาใบกำกับภาษี รวมถึงเอกสารประกอบ ให้เก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือวันที่ทำรายงาน
Comarch ได้รับการรับรองเป็นผู้ให้บริการ (Service Provider Certified) นำส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับ e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และ e-Receipt (ใบรับอิเล็กทรอนิกส์) และสามารถแลกเปลี่ยนเอกสารผ่านระบบบริการจัดทำและนำส่งข้อมูล e-Tax Invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และ e-Receipt (ใบรับอิเล็กทรอนิกส์) ของรัฐได้

เรามีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในโปรเจ็กต์เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EDI), การออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และการแลกเปลี่ยนเอกสารอื่นๆ เราได้เชื่อมต่อกับองค์กรมากกว่า 130,000 แห่งจากกว่า 60 ประเทศทั่วโลกบนแพลตฟอร์มของเรา
เราปฏิบัติตามระเบียบการแลกเปลี่ยนข้อมูลและมาตรฐานการถ่ายโอนข้อมูลที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันอย่างครบถ้วนทุกประการ
เรานำเทคโนโลยีและโซลูชันไอทีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้กิจกรรมและขั้นตอนต่างๆ ดำเนินไปโดยอัตโนมัติ
ออกแบบโซลูชันตามกระบวนการเฉพาะของแต่ละบริษัท ให้ลูกค้าควบคุมโรดแมปและความเร็วในการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมได้เอง
ระดับความปลอดภัยสูงสุดสำหรับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและข้อมูลสำคัญทั้งหมดของบริษัท